แนะนำ 6 ครีมกันแดดสำหรับเด็ก อัพเดทล่าสุดปี 2567
คุณรู้หรือไม่? การเลือกซื้อครีมกันแดดสำหรับเด็กแต่ละชนิดนั้นมีทั้ง ครีมกันแดดสำหรับเด็ก นอกจากจะพิจารณาเรื่องของการใช้งานไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ คุณภาพ ความทนทาน ชื่อเสียงของแต่ละรุ่นแล้ว ยังควรพิจารณาในเรื่องของพื้นที่ในการจัดวางและพื้นที่ใช้สอยในครีมกันแดดสำหรับเด็กอีกด้วย โดยวันนี้เราได้จัดอันดับ ครีมกันแดดสำหรับเด็กแบบที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพมาให้คุณได้เลือกกันแล้ว ดังนี้
2. La Roche-Posay Anthelios Dermo-Pediatrics Baby Lotion Spf50 โลชั่นกันแดดสําหรับเด็ก 50 Ml.(ครีมกันแดดเด็ก)
3. ลา โรช-โพเซย์ La Roche-Posay Anthelios DERMO-PEDIATRICS BABY LOTION SPF50+ โลชั่นกันแดดสําหรับเด็ก 50ml.(ครีมกันแดดเด็ก)
4. La Roche-Posay Anthelios Dermo-Pediatrics Baby Lotion Spf50 โลชั่นกันแดดสําหรับเด็ก 50Ml.(ครีมกันแดดเด็ก)
5. Sundance ครีมกันแดดสําหรับเด็ก สูตรปกติ สูตร Sensitive สูตร Ultra Sensitive จากเยอรมัน
6. Kindee ครีมกันแดดเด็ก 6เดือนขึ้นไป SPF50+ PA++++ สูตรอ่อนโยน แต่ป้องกันขั้นสุด Sunscreen Lotion
เมื่อรู้ว่าครีมกันแดดที่เหมาะกับเด็ก ๆ ควรมีลักษณะอย่างไรแล้ว ในส่วนถัดไป เรายังมี "10 อันดับ ครีมกันแดดสำหรับเด็กยอดฮิต" ที่ผ่านการเปรียบเทียบทั้งคุณสมบัติ, ราคาและรีวิวมาฝากกันอีกด้วยนะคะ
เราทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าผิวของน้อง ๆ หนู ๆ ทั้งหลายมีความบอบบางกว่าผู้ใหญ่ แต่ทุกคนก็คงจะสงสัยกันใช่ไหมคะว่า “แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรอ่อนโยนกับเค้า” วันนี้เราเลยรวบรวมคำแนะนำต่าง ๆ จากเหล่าคุณแม่และผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาให้อ่านกัน ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทุกวันนี้ครีมกันแดดมี 2 ประเภทด้วยกันค่ะ แบบแรก คือ “Chemical” ที่กันแดดได้ด้วยตัวดูดซับ UV แต่กลับก่อให้เกิดการระคายเคืองสูง กล่าวคือยิ่งค่า SPF มากเท่าไร ก็จะยิ่งเสี่ยงที่จะระคายเคืองผิวมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามกับแบบ “Organic” ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ จึงมีความอ่อนโยนมากกว่า
จากที่เราได้เกริ่นไปในตอนต้น ลองจินตนาการดูนะคะว่าถ้าน้อง ๆ หนู ๆ ที่บ้านต้องทาครีมกันแดดที่มีตัวดูดซับรังสี UV เป็นประจำทุกวันจะเกิดอะไรขึ้น ใช่แล้วค่ะ! ผิวของเด็ก ๆ จะระคายเคือง อาจเป็นผื่นแดงและมีอาการแสบคันร่วมได้ บางคนอาจร้ายแรงจนถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ ดังนั้น แนะนำให้เลือกซื้อสูตรที่เป็น Non-Chemical หรือ Organic จะดีกว่า เพราะปราศจากตัวดูดซับรังสี UV และสารเคมี เช่น กลุ่ม Petroleum แถมยังล้างออกได้ง่ายด้วยสบู่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องบอกลาสูตร Chemical เสียทีเดียวนะคะ เพราะก็ยังมีประโยชน์อยู่ โดยคุณสามารถทาให้ลูก ๆ ได้ในวันที่ต้องออกแดดจัด ๆ นั่นเอง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สารเติมแต่งที่ใส่มาในครีมกันแดดของแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ จริง ๆ แล้ว “ไม่อันตราย” ค่ะ ผู้ใหญ่ที่มีสถาพผิวธรรมดาสามารถใช้ได้อยู่แล้ว แต่สำหรับเด็กที่มีผิวบอบบาง ยิ่งกับเด็กที่อายุน้อยด้วยแล้วยิ่งต้องระวัง เพราะสารเติมแต่งเหล่านี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงสูตรที่มี “กลุ่ม Petroleum” และ “น้ำหอมสังเคราะห์”
อีกหนึ่งจุดที่สำคัญ อย่าลืมเช็กจากรายละเอียดสินค้านั้น ๆ หรือจากรีวิวด้วยนะคะว่า สามารถล้างออกง่ายแค่ไหน ทางที่ดีควรจะล้างออกได้ด้วยสบู่หรือน้ำอุ่น เพราะถ้าล้างออกยาก คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเช็ดด้วยคลีนเซอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียดสีหรือระคายเคืองต่อผิวน้องได้ เช่นเดียวกับการถูกเช็ดถูมาก ๆ นั่นเองค่ะ
เรามักจะติดค่านิยมว่า “ยิ่ง SPF และ PA เยอะ ยิ่งกันแดดได้มาก” แต่จริง ๆ แล้วค่าเหล่านี้มีอะไรซ่อนอยู่เยอะมากเลยค่ะ เรามาเช็กกันหน่อยดีกว่าว่าที่ผ่านมาเราเข้าใจถูกหรือเปล่า และจริง ๆ ควรจะเลือกซื้ออย่างไรกันแน่
ปกติแล้วไม่ว่าจะใช้ทาในวันปกติหรือออกกลางแจ้งก็ตาม เรามักจะเลือกสูตรที่มีค่า SPF สูง ๆ เอาไว้ก่อน เพราะเชื่อว่าค่าที่สูงกว่าย่อมปกป้องได้ครอบคลุมมากกว่า ซึ่งไม่ผิดเสียทีเดียวค่ะ แต่จากที่เราได้บอกไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่า ครีมกันแดดแบบ “ตัวดูดซับรังสี UV” อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ และถ้ายิ่งมีค่า SPF สูงด้วยแล้วก็จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปอีก ดังนั้น การซื้อค่า SPF ที่เกินความจำเป็นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมคำนึงถึงปริมาณการทาและความถี่ในการทาซ้ำด้วยนะคะ โดยปกติแล้วควรจะทาแต่พอดีก่อนออกแดด 30 นาที และเมื่อเลยระยะเวลาที่ครีมสามารถป้องกันได้แล้วให้ทาซ้ำอีกครั้ง โดยกะปริมาณครีมเหลือแค่ครึ่งหนึ่งจากตอนทาครั้งแรกเท่านั้น
เกร็ดน่ารู้ : ทราบไหมว่าระบบค่า PA เป็นค่าที่ถูกคิดค้นและใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น แต่ “ไม่ใช่ค่าสากล” ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรหากสินค้าในฝั่งตะวันตกจะไม่ระบุค่า PA ค่ะ
ข้อนี้ผู้ใหญ่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะตอนเลือกครีมกันแดดของตัวเองก็คงไม่ค่อยได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากไม่ส่งผลต่อการใช้งานมาก แต่ถ้าคุณต้องทาให้ลูก ๆ ล่ะก็ ข้อนี้ถือเป็นอีกสิ่งที่สำคัญเลยค่ะ เพราะเด็ก ๆ ไม่ค่อยอยู่นิ่งให้คุณทา แถมยังไม่ชอบอะไรเหนอะหนะอีกด้วย คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าควรเลือกอย่างไร
เนื้อสัมผัสแบบเจลมีข้อดี คือ เนียนลื่นจึงลูบไล้ไปกับผิวได้ง่าย ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถทาได้ไว ไม่เหมือนแบบครีมที่มักจะเป็นคราบขาวคอยกวนใจ แต่ข้อจำกัด คือ ไม่สามารถกันแดดแรง ๆ ได้เท่ากับเนื้อครีมและโลชั่น จึงเหมาะกับการทาในวันที่ไม่ต้องเจอแดดแรงมาก
นอกเหนือจากสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ แต่ละคนยังมีการใช้งานที่แตกต่างกันไปอีก เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าแต่ละสถานการณ์ ควรเลือกซื้ออย่างไรให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดกัน
สูตรกันน้ำไม่ได้หมายความว่าล้างออกยากเสมอไปนะคะ เพียงแต่เป็นสูตรที่สามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีเท่านั้น จึงเหมาะกับการทาเมื่อต้องว่ายน้ำหรือเล่นน้ำทะเล แต่ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะและอย่าลืมเช็กจากรีวิวหรือรายละเอียดของสูตรนั้น ๆ ด้วยว่าล้างทำความสะอาดอย่างไรและยากง่ายมากแค่ไหน เพื่อเป็นการถนอมผิวของหนู ๆ
ส่วนเนื้อสัมผัสควรจะเป็นแบบครีมค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่หรือหนู ๆ คนไหนไม่ชอบเนื้อสัมผัสที่หนาหนักแนะนำให้เลือกเนื้อโลชั่นหรือน้ำนมแทน
ครีมกันแดดไม่ได้มีไว้ทาก่อนไปว่ายน้ำหรือทะเลอย่างเดียว ยังสามารถทาก่อนออกไปวิ่งเล่นในสนามหญ้าได้อีกด้วย ซึ่งนอกเหนือจากแสงแดดที่มากวนใจคุณพ่อคุณแม่แล้ว ยังมี “แมลง” ที่คอยจ้องจะกัดเด็ก ๆ ฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ซื้อสูตรที่มีคุณสมบัติช่วยกันแมลงด้วยไปในตัวก็จะดีกว่าการต้องมานั่งทาครีมหลาย ๆ ตัวค่ะ
จริง ๆ แล้วไม่ได้มีแต่คุณแม่อย่างเดียวที่ใช้ได้นะคะ สาวโสดที่ผิวบอบบางเองก็ใช้ได้ด้วยเหมือนกัน เพราะนอกจากจะมีความอ่อนโยนมากกว่าของผู้ใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่ยังมีราคาถูกกว่าด้วย โดยก่อนการซื้อ ต้องอย่าลืมเช็กสักนิดว่าสูตรนั้นสามารถทาหน้าได้หรือเปล่านะคะ เพื่อความชัวร์
ก่อนอื่นต้องบอกว่าสูตรนี้เค้าเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่แล้วนะคะ (ขวดเหลืองชมพู) ใครไปเห็นที่ไหนก็อย่าเพิ่งตกใจ แต่ยังคงคุณภาพไว้เหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นครีมกันแดดที่ขาดไม่ได้เวลาไปเล่นน้ำทะเลเลยทีเดียวค่ะ เพราะกันด้ทั้งรังสี UVA/UVB พร้อมกันน้ำได้นานถึง 80 นาที และด้วยสูตร Hypoallergenic ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ปกป้องผิวของหนูน้อยอย่างอ่อนโยน แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดคราบเหลืองบริเวณปกเสื้อได้
หมายเหตุ : เหมาะกับเด็กอายุ 12 เดือนขึ้นไปและแพ็กเกจขวดเป็นหัวปั้ม
หากพูดถึงครีมกันแดด เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนึกถึง BANANA BOAT เป็นแน่ค่ะ สำหรับสูตรนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ “ไม่ระคายเคืองตา” และไม่อุดตันรูขุมขน พร้อมช่วยปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB อย่างอ่อนโยน ที่สำคัญ มีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ที่ช่วยให้ผิวเด็ก ๆ ชุ่มชื้นไปด้วยในตัว โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป หลายคนที่ใช้ต่างบอกว่าเนื้อบางเบาไม่เหนอะหนะ เกลี่ยยากนิดนึง แต่ติดทนนาน
แบรนด์นี้ไม่ได้มีแต่ครีมกันแดดผู้ใหญ่อย่างเดียวนะคะ ของเด็กของก็มีด้วย โดยสูตรนี้สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB กันน้ำกันเหงื่อได้ดี พร้อมมีค่า pH-Balanced ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสี จึงอ่อนโยนต่อผิว ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ ยังไม่เหนียวเหนอะนะ สบายผิวกับเด็ก ๆ แถมยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยสบู่เด็กทั่วไปอีกด้วยค่ะ
ครีมกันแดดสำหรับเด็กสูตรสำหรับออกกลางแจ้งและว่ายน้ำโดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยี Broad Spectrum ช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมด้วยประสิทธิภาพในการกันน้ำสูง ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Penthenol และดูแลผิวเด็ก ๆ จากการโดนคลอรีนในสระน้ำ หรือการโดนน้ำทะเลเพื่อถนอมผิวไม่ให้แห้งกร้าน โดยสูตรนี้ได้ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าอ่อนโยนต่อเด็ก ๆ
กันแดดยอดฮิตอีกตัวสำหรับเด็ก ๆ จากแบรนด์ La Roche Posay ที่ดังในเรื่องความอ่อนโยนต่อผิว โดยตัวนี้เป็นสูตรเฉพาะสำหรับการออกแดดจัด มีจุดเด่นด้วยเทคโนโลยี Wet Skin ที่ทำให้สามารถทาบนผิวได้แม้เปียกน้ำเพราะเป็น Hydrophobic Film จึงสามารถชะโลมซ้ำได้อีกในระหว่างวันหากเด็ก ๆ ต้องเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมเป็นเวลานาน เป็นสูตรเนื้อเจล ทาง่าย สบายผิว ซึมไว ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA/UVB และ Infrared
กันแดดจาก Pigeon หนึ่งในแบรนด์ที่ฮิตในหมู่คุณพ่อคุณแม่ สำหรับครีมกันแดดสูตรนี้ถูกพัฒนามาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ จึงมีความอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ขณะเดียวกันก็ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย Ceramide และ Hyaluronic Acid ทำให้ผิวไม่แห้งตึง สบายตัวตลอดวัน โดยมีหลายค่า SPF ให้เลือกซื้อ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของเด็ก ๆ ในแต่ละวันเลยค่ะ
มาที่อันดับที่ 1 ที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อคุณแม่อย่างล้นหลาม โดยสูตรนี้เป็นสูตรอ่อนโยนเพราะปราศจากน้ำหอมและพาราเบน และไม่อุดตันผิว สามารถใช้ทาได้ทั้งหน้าและตัว ด้วยเทคโนโลยี XL Protect แบบเฉพาะของแบรนด์ จึงช่วยป้องกันทั้งรังสี UAV, UAB และ Infrared ได้ในตัวดี พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ กันน้ำได้ดี และเหมาะสำหรับทำกิจกรรมที่ต้องออกแดดจัด ๆ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป
นอกจากเด็ก ๆ แล้วครีมกันแดดสูตรนี้ยังเหมาะกับผู้ที่อยากใส่ใจสุขภาพผิวเป็นพิเศษอีกด้วยค่ะ ซื้อไปขวดเดียวสามารถแชร์กันใช้ได้ทั้งแม่ทั้งลูกเลยทีเดียว แต่เวลาเลือกซื้อให้หนู ๆ อาจจะต้องพิถีพิถันกันนิดนึง ใส่ใจเลือกสูตรที่เป็น Organic และไม่ผสมน้ำหอม โดยมีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา แค่นี้เด็ก ๆ ก็จะห่างไกลจากผิวไหม้แดดแล้วค่ะ
สำหรับใครที่อยากบำรุงผิวลูก ๆ หรือตัวเองหลังจากออกแดดจัดเพิ่มอีก แนะนำให้ซื้อ “เจลว่านหางจระเข้” ทาเลยค่ะ เพราะมีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวหลังไหม้แดดและคืนความชุ่มชื้นให้กลับมาเนียนนุ่มขึ้นอีกด้วย ใครสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านกันต่อที่บทความแนะนำว่านหางจระเข้ของ mybest เราเลย